วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

มัมมี่

มัมมี่ที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีคือมัมมี่อียิปต์โบราณ แต่ในรูปเป็นมัมมี่ที่เกิดจากสภาพอากาศอันร้อนและแห้งแล้งค่ะ เป็นมัมมี่ที่อยู่ในยุคสมัยก่อนที่มีการปกครอง
โดยฟาโรห์ค่ะ ซึ่งในสมัยนั้นชาวอียิปต์ยังไม่รู้จักวิธีการทำมัมมี่ค่ะ สุสานของเขาเป็นแบบเรียบง่ายค่ะ โดยขุดหลุมให้ลึกลงไป แล้วนำเอาศพมาวาง นำเอาสมบัติของผู้ตาย
เช่นลูกปัด โถใส่อาหาร วางไว้รอบๆร่างของผู้ตาย ศพนั้นไม่ได้มีการนำเสื้อผ้ามาใส่ให้ค่ะ และไม่มีการนำทรายมากลบร่างผู้ตายด้วย
ต่อมาเป็นยุคที่อียิปต์รู้จักวิธีการทำมัมมี่แล้วค่ะ แต่ขอไม่บรรยาย ถึงวิธีใน การทำมัมมี่เพราะในเว็บนี้ได้มีผู้เขียนไว้แล้วแต่จำ ไม่ได้ว่าอยู่ในกระทู้ไหนและท่านใดเป็นเป็นผู้เขียน(พิมพ์) (ในรูปคือมัมมี่ของเซติที่1พระองค์เก่งกาจทางด้านการรบเป็นอย่างมากและ พระองค์ก็ยังส่งเสริมและให้มีการพัฒนาทางด้านศิลปะ จนถือว่า เป็นยุคที่ศิลปะมีความงดงามสูงสุดอีกยุคหนึ่งด้วย)
มัมมี่ฟาโรห์เซติที่2ค่ะ
รูปมัมมี่ของ(TUTMOSIS ที่1)ถ้าใช่นะค่ะเพราะยังเป็นมัมมี่ที่นักโบราณคดีถกเถียงกันอยู่เนื่อง จากพระศพมือไปวางอยู่ในท่าของสามัญชน(แขนสองข้างแนบลำตัว)
และผลของการเอ็กซเรย์มัมมี่นี้ก็ตายตอนอายุ 20 ปี ซึ่งไม่ตรงกับประวัติการรบที่โชกโชนของพระองค
TUTMOSIS ที่ 3 พระองค์เชี่ยวชาญทางด้านการรบเป็นอย่างมากจนได้รับฉายาว่า "นโปเลียนแห่งอียิปต์"เป็นมัมมี่รายแรกที่ได้ปรากฎโฉมต่อหน้าสาธารณะชน
TUTMOSIS ที่ 4 คู่แก่งแย่งบัลลังค์ของฮัทเซพซุท
รามเสสที่ 1
รามเสสที่2 ถือว่าเป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอียิปต์
รามเสสที่ 3 เป็นมัมมี่ฟาโรห์พระองค์แรกที่มีการทำตาปลอม และเปลี่ยนท่านอนโดยเอามือสองข้างวางไขว้ไว้ที่หน้าอกและแบมือออก ถือเป็นฟาโรห์ผู้ทรงอำนาจของอียิปต์องค์สุดท้าย
รามเสสที่ 4
TIYIเสด็จย่าของฟาโรห์ตุตันคามุน
ฟาโรห์ตุตันคามุน
ฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่ 17 ฟาโรห์เซเคเนนเร สิ้นพระชนม์จากการออกรบ
อเมนโฮเทปที่ 2 เป็นฟาโรห์ที่โชคดีเพียงพระองค์ที่ไม่ต้องคอยถูกย้ายพระศพหนีจากพวกโจรขโมยสุสาน
TUTMOSISที่2 เป็นหนึ่งในกษัตริย์นักรบผู้เก่งกล้าของอียิปต์แต่ถูกกลบรัศมีจากราชินีของพระองค์เองคือราชินีฮัทเซพซุท
มัมมี่ฟาโรห์รามเสสที่ 6 พระศพถูกขวานจามเสียหายด้วยน้ำมือโจรปล้นสุสาน
พิเนดเจมที่1
ราชินีเฮเนทโทวีย์ พระชายาของฟาโรห์พิเนดเจมที่ 1 ในยุคนี้ถือว่าศิลปะในการมัมมี่มีการพัฒนาถึงขีดสุดค่ะ มีการพัฒนาเพิ่มเติมจากการทำมัมมี่แบบเดิม โดยมีการใส่สารผสมของไขมันและโซดาเพื่อสร้างความมีน้ำมีนวลให้แก่ผิวหนัง และมีการยัดเศษผ้าเข้าไปเพื่อให้ผิวหนังเต่งตึง
ฟาโรห์ซิพทาห์ การทำมัมมี่ในยุคของพระองค์ก็มีการพัฒนาการเป็นอย่างมากเช่นกันค่ะ เพราะส่วนแก้มของฟาโรห์องค์นี้มีการยัดผ้าลินินลงไปเพื่อให้แก้มเต่งตึง
และเป็นฟาโรห์พระองค์แรกที่มีรอยเย็บแผลที่เรียบร้อย แผลถูกปิดสนิทค่ะ ตอนมีชีวิตพระองค์ป่วยเป็นโรคโปลิโอและทรงทุกข์ทรมานด้วยโรคนี้จนวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น